Wednesday, May 28, 2008

หนึ่งวัน


ยามเช้า นั่งรถเมล์
กระเป๋าหนุ่มจมูกโด่งตาคมบรรจงวาดรูปสาวคอซองในรูปถ่าย บนสมุดวาดรูปลายการ์ตูนที่เด็กประถมชอบใช้กัน ถึงกระดาษจะหยาบ แต่หัวใจละเลียดความงามของเธอ

ยามสายประชุม
ถาม ตอบ ไป มา
ปฏิเสธ ตอบรับ
ความไม่แน่นอน ความไม่มั่นคง ความหวาดกลัว
เสียงหัวเราะกลบ เสียงนินทา เสียงบายๆ ขอให้โชคดี
และคัทซึ

เย็นสยาม
นั่งเฉยๆ ในแอร์เย็น แต่ใจไม่เย็น
ดูมันไป
มันกลัว มันเกรง มันเต้นตุบๆ

เกิดคำถาม เกิดมาทำอะไร?

ไปร้านการ์ตูนได้ยินเพลง "ทะเลสีดำ"
เข้าโรงหนังดู "จูโน่"

เด็กผู้หญิงโตเร็ว
เด็กผู้ชายโตช้า
บทสนทนาแสบสันต์ ชาญฉลาด น่ารัก มีชีวิต

ฝนตกหนัก
เมืองเฉอะแฉะ อบอ้าว
รถเมล์เบียดเสียด
ไอเย็นของฝนปลิวเข้าหน้า

หนึ่งวันผ่านไป หัวใจเต้นหลายจังหวะ. . . จัง



Monday, May 26, 2008

การ์ตูนเพี้ยน

วันนี้เป็นวันแรกที่มีช่วงเวลาบ่ายอันแสนว่าง หลังจากปั่นจอมอข่าวมาหลายวัน

นอกเหนื่อจากเรื่องพม่า บ้านฉันก็ตามข่าวชุมนุมอย่างดุเดือด

แต่ข้าพเจ้าขอชิว หลังจากนั่งๆ (หน้าคอม) นอนๆ (แถวเตียง) และโทรศัพท์ประสานงาน จึงเดินไปเช่าการ์ตูนเล่น และเจอ

การ์ตูนเล่มนี้ "สุมิเระ 16 จ้า!!"


หน้าปกดูเป็นสาว 16 แอ็บแบ็ว แต่เอ๊ะ ไอ้ลุงข้างหลังมันใคร แล้วใยปากน้องสุมิเระมันแปลกๆ พิลึกๆ เมื่อเปิดดูก็พบว่าตัวเอกของเรื่องคือ "สุมิเระ" เป็นเด็กสาวมอปลาย อายุ 16 เพิ่งเข้าเรียนปีแรก และมี "ลุง" นิรนามหน้า still ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง

เข้าโรงเรียนได้อย่างไรยังไม่รู้ รู้แต่มีผอ.หนุนหลัง ว่าเป็นสองสิ่งนี้เป็น "เด็กนักเรียนหญิงของโรงเรียนเรา"

ไม่รู้ลุงคือใคร ไม่รู้สุมิเระคืออะไร แต่เมื่อมาประกอบกับ เธอกลายเป็นหุ่นชักใยที่เป็นมนุษย์มาก และ ชวนขำพุ่ง เมื่อเห็น

สุมิเระขี่จักรยานและพยายามชวนเพื่อนซ้อน แต่ว่าลุงซ้อนอยู่นะ

สุมิเระพยายามชวนเพื่อนหญิงไปเข้าห้องน้ำด้วยกัน แต่ลุงเป็นผู้ชายนะ

สุมิเระว่ายน้ำและพยายามสอนคนอื่นว่าย ซึ่งลุงกำลังชักอยู่เข้าหลังนะ

สุมิเระวิ่งอย่างชิว ส่วนลุงหอบแฮ่ก ก็ควร

สุมิเระชกมวยกับมวยปล้ำร่างยักษ์ มันจะดีเหรอว่ะ

สุมิเระแนะนำหนุ่มขี้อายให้คุยกับสาว เอิ่ม - -"

ฯลฯ

เพื่อนของสุมิเระ คือ เร็งเงะ สาวเรียบร้อยที่มักโดนเพื่อนแกล้ง, ฮิบาคิ ลูกสาวยากูซ่า ประธานชมรมนักมวย และอีกมาก พร้อมทั้งอาจารย์เพี้ยนๆ อีกเป็นจำนวนมาก

เห็นอย่างนี้เธอกลับมีจิตวิญญาณของนักเรียนสาวมอปลายที่น่ารัก สดใส และเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม

อ่านแล้วชวนให้สบถว่าเป็นภาษาบาลีสันสกฤตว่า

"เชี่ย!!!"

เป็นไปได้ไง การ์ตูนเรื่องนี้มันช่าง cult!!!!!!! ย้อนแย้งยอกเย้ยเสียยิ่งกว่าคุโรมาตี้


ไม่อยากเล่าให้เสียเรื่อง ใครนิยมการ์ตูนเพี้ยนควรอ่านยิ่งนัก ส่วนข้าพเจ้าก็จะอ่านการ์ตูนเรื่องอื่นรอสุมิเระจังต่อไป


......................................................................................

ของแถมการ์ตูนเรื่องที่เพิ่งอ่าน

Vassalord



นี่คือการ์ตูนวายในคราบบงกช 5555
คนบนปกทำให้ใจเราละลาย อร๊างงง เท่มาก สวยมาก เป็นทั้งมารและพระเจ้าในคราวเดียวกัน (เว่อไปม่ะ)
นายทาสของเราก็น่ารัก น่าเคี้ยวกรุบกริบ กรั่กๆ ว่าแล้วก็หาซื้อเก็บดีกว่า ฮิฮิ

...................................................................


สาวขี้เซากับหนุ่มเอาแต่ใจ

เห็นลายเซ็นอ.คนนี้ก็รู้ว่าการ์ตูนแกเพี้ยน และก็เพี้ยนตามคาด อยากอ่านเอาฮาก็ไปหาอ.ไอมาอ่านได้

...............................................

Sunday, May 25, 2008

ขอต้อนรับสู่......วัยทอง

เสร็จอีกแล้ว
ไม่อยากเถียง แต่เถียงไปเรียบร้อย
อยากจะรัก อยากจะเข้าใจ
แต่ยังทำไม่ได้ซักที ให้ตายเถอะโรบิ้น

ขอต้อนรับสู่......วัยทอง



พูดก็ไม่ดี เงียบก็ไม่ดี
ว๊ากฉันทุกที อะไรว้า~

Friday, May 23, 2008

ปัดฝุ่นแล้วจ้า



มาแล้ว ปัดฝุ่นๆ

ดีใจได้ตีมเขียวสดใสของเฮา

อ่านแล้วแสบตาไหมบอกที

ฮิฮิฮิฮิ

Thursday, May 22, 2008

บันทึกพายุ

ลมพัดกรรโชก
ฝนเม็ดเป้งร่วงกราว
ฉันวิ่ง

ฟ้าปราบแปร็บ
ต้นไม้พัดลู่
ละอองฝนสาดใส่
ฝนทิ้งตัวลงบนร่องน้ำราวเดือดปุด

นี่คือเศษเสี้ยวพายุ
พายุที่พม่า
พายุที่อเมริกา
แผ่นดินไหวที่จีน
หรือสึนามิที่ไทย

ท้องฟ้ากำลังร้องไห้
แผ่นดินหลับไหลใต้ซีเมนต์
น้ำในท่อดำคร่ำคร่า

ไม่มีใครร้องเพลงปลอบโยน
ท้องฟ้า แผ่นดิน ผืนน้ำ ดอกไม้ และผู้คน
ดูราวทุกสิ่งถูกขังในความมืดดำ

เด็กชายก้อนหินและเด็กหญิงโต๋กำลังเป่าขลุ่ยและร้องเพลงในใจเรา
แต่เราได้ยินหรือเปล่านะ
มองเห็นหรือเปล่านะ
สัมผัสหรือเปล่านะ

พวกเขาร้องเพลงที่โศกเศร้า และเป่าขลุ่ยแห่งความหวัง
ขับขานเสียงของลม ฝน พระจันทร์ พระอาทิตย์ น้ำ ปลาน้อยสองตัว และแม่
เพียงได้ยิน มองเห็น สัมผัส เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

พายุจึงเริ่มคลายจากความสะอึกสะอื้น
ท้องฟ้ามีแสงจาง
ผืนซีเมนต์ในยามเช้ามีคราบความสดใส

ไม่สว่างหรือมืดมนเสียทีเดียว


แรงบันดาลใจจาก พายุฝนเมื่อคืน หนังสือไผ่พระจันทร์ และแม่ของตัวเอง

Thursday, May 08, 2008

ชีวิต กับ ความสัมพันธ์

"ชีวิตคือเรื่องของความสัมพันธ์" พี่อุ๊ว่า

จำคำอธิบายแน่นอนไม่ได้ แต่ได้ความประมาณว่า ตัวของเรามีความสัมพันธ์กับตัวเอง กับกาย กับใจของเรา เรามีความสัมพันธ์กับผู้คน สรรพสัตว์ สัมพันธ์กับโลก ฯลฯ

ฟังแล้วรู้สีกว่าจริง ชีวิตเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ ถ้าใจของเราไม่สัมพันธ์กับเลือดของเรา เราคงตาย ถ้าขาของเราเดินไม่สัมพันธ์กับแขนก็เดินเขว่ ถ้ามือซ้ายเราเจ็บ มือขวาเราก็ทำงานหนัก ถ้าเราทะเลาะกับแม่ หน้าเราก็ขมวดเซ็ง ถ้าใจกับกายของเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราก็จะไม่เคยได้รู้ถึงความสุขที่แท้จริง

หลายครั้งเราหลงลืมความสัมพันธ์นั้น ค่อนข้างโง่ เป็นความโง่ที่แท้

และเมื่อชีวิตคือความสัมพันธ์ หลายๆ ครั้งเราใช้หัวของเราตัดความสัมพันธ์ดังฉับๆๆๆๆ แต่ความสัมพันธ์นั้นไม่ได้หายไปไหน แต่เป็นตัวเราเองที่ขาดวิ่นแบบไม่รู้ตัว

ฉะนั้นตั้งแต่นี้ต่อไป เราตั้งใจให้การเขียนของเราเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ครั้งใหม่กับตัวเราเอง กับแม่ของเรา กับบรรพบุรุษ กับคนรอบข้างเรา กับสิ่งต่างๆ อีกมากมาย

การกลับมาเขียนบล็อกนี้จึงถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ของตัวเองที่จะบันทึกความคิด ความรู้สึกของเรา และขอเชิญเพื่อนๆ มาเดินในสวนอักษรอันเวิ่นเว้อของข้าพเจ้าต่อไป ฮ่าๆ

....

วันนี้ได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนคนหนึ่งที่มีความทุกข์มากในความสัมพันธ์กับคนอื่น ในการทำงานกับเพื่อนของเขา

ตัวเราเองไม่ได้เก่งกาจอะไรนัก จริงๆ ความสัมพันธ์เป็นข้อสอบใหม่ของเราอยู่เหมือนกัน และเรากำลังเรียนมันอยู่ ได้ข้อสรุปประมาณนี้

1 ความสัมพันธ์เป็นคำตรงตัว แปลว่ามันต่อเนื่องเหมือนสายธารน้ำไหล ไม่ได้ตัดขาดออกจากกัน ไม่ได้ยืนโด่เด่โดดเดียว เมื่อมีเหตุการณ์ด้านบวก น้ำของเราก็ไหลเย็นสดใส เมื่อมีเคมีด้านลบ ขุ่นๆ ขัดๆ

1.1 ความสัมพันธ์เป็นคำตรงตัว แปลว่า เราสัมพันธ์กับเขา และ เขาสัมพันธ์กับเรา ฉะนั้นไม่มีการปฏิสัมพันธ์แบบฝ่ายเดียว ไม่มีใครมีปฏิกิริยาอยู่ฝ่ายเดียว ฉะนั้นจะแยกขาดระหว่างเขากับเราได้อย่างไรกัน

2 ความสัมพันธ์กับคนอื่น เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กับตัวเอง
เหมือนจะเริ่มต้นใหม่กับคนอื่น เราเริ่มต้นใหม่กับตัวเองก่อน
เหมือนจะรักคนอื่น แต่เราก็เรียนรู้ที่จะรักตัวเองด้วย การรักตัวเองก็คือการกลับมาอยู่ มาดูแลตัวเองอย่างแท้จริง ฉะนั้นมาหายใจสามครั้งก่อนอ่านข้อต่อไปนะ
......
......
......

3 เมื่อเราโกรธ เราจะสร้างเกราะสำหรับตัวเอง ให้เราดูแกร่ง เราไม่เป็นไร ไม่มีเค้าเราก็ไม่ตาย เมื่อถูกถามว่าเป็นอะไรหรือป่าว เราจะตอบทันที่ว่า "ไม่!" แต่จริงๆ แล้วกำลังปุดมาก แต่ถ้าเราปฏิบัติ เราจะรู้ว่าการยอมรับความโกรธของเราเป็นเรื่องที่กล้าหาญอย่างยิ่ง และหากเราปฏิบัติมากพอ เราจะสามารถบอกเพื่อนได้ว่า เราเป็นทุกข์ และช่วยฉันด้วย นั้นก็ถือเป็นความกล้าหาญอย่างยิ่งเช่นกัน และทำให้เราเป็นทุกข์น้อยลงจริงๆ นะ

4 การเริ่มต้นใหม่ คือ การภาวนาว่าด้วยรัก และการฟังอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเรายังปฏิบัติอยู่จ๊ะ

อยากรู้ก็ต้องลองปฏิบัติดูนะทุกๆ โค้นนนน

:)

จบแหละ

Friday, May 02, 2008

บล็อกเก่ามาใช้ใหม่

จักรปาณีบอกว่า บล็อกของ msn ของเราคอมเม้นยากจังเลย

เลยว่าจะหันมาใช้บล็อกนี้บ้าง

แต่ทำไมเราคิดว่าบล็อก Blogspot ใช้ยากจังเลย

เลยว่าจะต้องมาฝึกปรือเม้ากันบ้าง

เอาน่าโลกร้อน ต้องหัดใช้ของเก่าให้คุ้ม

เอ เกี่ยวกันไหมน่ะ